เรียกได้ว่าหายหน้าไปจากจอแก้วพักใหญ่ สำหรับพระเอกหนุ่มมากความสามารถ “แอมป์-พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์” ที่ก่อนหน้านี้เจอมรสุมชีวิตมากมาย จนทำให้ตอนนี้ผันตัวมาเป็นพ่อค้าขายขนมปังเพื่อเลี้ยงครอบครัว จึงทำให้พระเอกหนุ่มลุกขึ้นได้อีกครั้ง แต่ล่าสุดหนุ่มแอมป์ได้มาร่วมงานเปิดตัว “FIN STARS MARKET” ก็ได้เปิดใจเล่าถึงเส้นทางชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เผยผ่านวิกฤติต่างๆ มานับครั้งไม่ถ้วน

โดย หนุ่มแอมป์ เผยว่า “สำหรับธุรกิจขนมปังก่อนหน้านี้มีการเข้าถึงยาก แต่ว่าวันนี้คนเข้าใจแล้ว คนทราบแล้วว่าผมขายอะไร ผมก็สื่อสารมาตลอดว่าเราขายขนมปังสุขภาพ แล้วคนที่ทานก็เป็นกลุ่มที่เลือกโดยเฉพาะเลย เป็นกลุ่มรักษาสุขภาพหรือว่ารักตัวเอง ก็ลองทานและเปิดใจ พอติดใจเขาก็สั่งกันเรื่อยๆ ครับ ส่วนที่หลายคนบอกว่าเราเหมือนคนตายแล้วเกิดใหม่จากครั้งที่แล้ว อันนี้คือเรื่องจริง ชีวิตผมมันเหมือนตายมาตลอด ดับแล้วเกิดตลอด แต่ว่าในวันนั้นจะเรียกว่าผมตายไปแล้วก็ได้ จริงๆ คือผมตายไปแล้วแหละ แต่วันนี้ผมเกิดมา ไม่ได้เกิดมาเป็นดารา แต่เกิดมาเป็นพ่อค้าขายขนมปังเต็มตัว มีอาชีพที่มันเป็นไซด์เวย์ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับนักแสดง มันก็ถือว่าเป็นอาชีพจริงจังครั้งแรกในชีวิต ผมก็ไม่เคยมีอาชีพที่มันจริงจังขนาดนี้ วันนี้เราก็พยายามพัฒนาสินค้าตัวเอง เวลาเราออกมาขายมันก็ดีใจที่ได้เจอแฟนคลับแฟนละคร หลายคนก็ถามว่าคิดถึงจังเลย มีละครไหม ก็จะได้เห็นงานที่ผมได้รับอยู่ตอนนี้ ซึ่งก็มีอยู่
ณ ตอนนั้นที่มันแย่ที่สุด แล้วเราลุกขึ้นมาได้ ทุกวันนี้เราขับรถทุกเช้า ก็จะพูดกับตัวเองทุกวันว่า วันนี้รอดมาได้เราเก่งแล้ว ภูมิใจ คือถ้าไม่มีใครให้กำลังใจตัวเอง ก็ยังมีเรานี่แหละ ไม่ว่าคุณจะอยู่จุดไหนก็แล้วแต่ วันนั้นคุณอาจจะไม่มีแสงเลย แต่ถ้าสมมุติว่าคุณคิดว่าวันนี้ปัญหานี้มันแก้ไม่ได้ ก็ทำใจให้มันสงบไว้ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้มันก็จะแก้ได้ เพราะพรุ่งนี้เราก็จะไปเริ่มวันใหม่ พอเราเริ่มวันใหม่แล้วแก้โจทย์เดิมไม่ได้ ก็อย่าไปจมอยู่กับปัญหา ให้เราคิดหาทางออกไปเรื่อยๆ แต่ว่าอย่าไปจมกับปัญหานั้น คำที่คิดหาทางออกของผม อะไรที่เราแก้ไม่ได้ก็ลืมมันไปบ้าง อย่าไปอยู่ให้มันผูกอยู่ในใจหรือว่าเก็บอยู่ในจิต มันจะทุกข์มันจะทำให้คนก้าวต่อไปไม่ได้
ถ้าคุณลองคิดว่าเรากำลังเจอปัญหาหนักๆ ก็ให้คิดว่า โชคดีเว้ย ยังมีเงินซื้อข้าว เรายังมีน้ำให้อาบ มีน้ำให้ดื่ม มีที่ให้นอน แค่นี้มันก็เป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ หรือว่าถ้าเราหาความสุขจากตัวเองไม่ได้ ก็ลองหันกลับไปดู โชคดีเนอะ คุณพ่อคุณแม่เรายังอยู่ โชคดีจังเลย น้องชาย พี่ชาย หรือพี่สาวของเรายังอยู่คอยให้กำลังใจเรา ถ้าเรายังหากำลังใจให้กับตัวเองไม่ได้นะครับ ผมเชื่อว่าหลายคน เศรษฐกิจของเราไม่ได้ดีมาก แต่ทุกคนก็พยายามประคองให้เราผ่านช่วงที่มันวิกฤติที่สุดไป แต่ผมเชื่อว่าทุกคนก็มีวิธีการจัดการความรู้สึกของตัวเองได้ดีอยู่แล้ว แต่ว่าวันนี้เราผ่านโควิดมา วันนี้เราจะเจอวิกฤติเศรษฐกิจต่อ หลังจากนี้มันก็จะผ่านไป มันก็จะขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้แหละ แต่ว่าที่สำคัญที่สุดเราจะต้องมีสติ และอย่าไปเตลิดกับสิ่งที่มันจะต้องเข้ามา ถ้าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แต่เกิดไปแล้วเราก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ ผมเชื่อว่าตอนนี้ก็มีหลายคน หลายอาชีพออกมาทำงาน ออกมาค้าขาย ออกมาหารายได้พิเศษ คือมันมีอาชีพเยอะไปหมด แต่อยู่ที่ว่าคุณจะจัดการกับตัวเองได้ไหม

สิ่งที่ยากที่สุดคือก้าวแรก และยากกว่าก้าวแรกก็คือก้าวต่อไป มันจะมีอยู่แค่สองอย่างที่คนจะยินดีกับเราก็คือ ยินดีด้วยนะเปิดกิจการ กับยินดีกับเราอีกทีหนึ่ง เฮ้ยสำเร็จแล้ว ขายดี ดีใจด้วยนะ แต่มันไม่มีใครเห็นว่าก่อนจะเริ่มเราทำอะไร หรือในระหว่างทางกว่าจะสำเร็จเราทำอะไรมาบ้าง เพราะฉะนั้นก็เป็นกำลังใจให้กับทุกคน ผมเชื่อว่าทุกคนท้อ คิดมาก เจอเรื่องหนักๆ ให้คิดเอาไว้ว่ามันยังมีวันพรุ่งนี้และโชคดีที่เรายังมีลมหายใจ และที่สำคัญก็อยากให้ทุกคนรักษาสุขภาพไว้ ผมหยุดออกกำลังกายไปนานมาก เพราะผมไปจมอยู่กับปัญหา แต่ตอนนี้ผมเริ่มกลับมาออกกำลังกายแล้ว คือเราต้องตั้งหลัก เราต้องเอาตัวเองก่อน เพราะครอบครัวเริ่มเบาแล้วเราก็ค่อยใส่ใจตัวเองมากขึ้น ก็ทำเท่าที่กำลังตัวเองจะทำไหว ไม่ได้ทำเว่อร์เพราะทำเยอะตัวเองก็ขาดทุน”
หนุ่มแอมป์ เล่าต่อว่า “แล้วสำหรับตัวผมจริงๆ ผมก็ไม่เคยคิดเลยว่าวันไหนจะสูงมาก วันไหนจะต่ำที่สุด เอาเป็นว่าผมก็อยู่กับคลื่นที่มันเข้ามา เราก็ไม่รู้หรอกว่าคลื่นนั้นมันจะสูงหรือจะต่ำ หรือน้ำมันจะลดขนาดไหน เราก็ประคองตัวเองทำให้มันอยู่อย่างมีความสุข ถ้าถามว่าวันนี้ดีกว่าวันนั้นไหม ก็ดีกว่าเยอะมากๆ เพราะวันนั้นผมกำลังอยู่กับปัญหา แต่วันนี้ผมก็อยู่กับปัญหาจนแบบเป็นเพื่อนกัน เรามีเพื่อนคนนี้มีชื่อว่าปัญหา แล้วเราก็อยู่กับปัญหาได้ดีขึ้น แล้ววันนี้เพื่อนที่ชื่อว่าปัญหา มันก็ยังอยู่ทุกวัน ไม่มีเรื่องนี้ก็จะเรื่องนั้น แต่ตอนนี้เริ่มเบาแล้ว เราไม่เอาความทุกข์ของคนอื่นมาด้วย เราแก้ปัญหาตัวเองไม่ได้ไปแก้ปัญหาคนอื่น
อย่างก่อนหน้านี้ที่มีคอมเมนต์เกี่ยวกับดาราตกอับ มันก็ไม่ได้กระทบจิตใจ ก็ดีใจด้วย ไม่ได้โกรธ เดี๋ยวนี้พอเราตกผลึกผ่านอะไรมาเยอะๆ คอมเมนต์มันเป็นเพียงคำพูด อ่านแล้วถ้ารู้สึกมันก็รู้สึก แต่ตอนนี้ผมไม่รู้สึกเลย อะไรที่ลบเราไม่รับ แต่ถ้าบอกว่าเก่งจัง ขยันมาก อย่างนี้เราต้องรับเอาไว้ เพราะว่าเราทำได้และทำดี และอะไรที่เราทำไม่ดีเราก็ต้องกลับมาดูหน่อยว่าเราเป็นอย่างที่เขาพูดไหม ถ้าเราเป็นเราก็ต้องแก้ไข เราต้องยอมรับมันบ้าง เพราะว่าคำติชมบางทีเราต้องดูด้วยว่าอันนี้เราเป็นจริงหรือเปล่า แต่ถ้าเราไม่ได้เป็นไม่ต้องรับ แล้วชีวิตก็จะมีความสุข
คือผมเริ่มจากศูนย์ หลายคนทราบดี แล้วผมก็ไม่ได้ดังระดับตัวท็อปของประเทศไทย ผมก็แค่อยู่ได้ เพราะฉะนั้นดาราหลายคนมีงานทำไมไม่เก็บเงิน เขาก็บอกว่าเก็บนะครับ เพราะว่าดาราไม่ได้มีงานทุกวัน แล้วเขาก็เอาเงินเก็บของเขามาใช้ อย่างช่วงโควิดผมงัดมาใช้หมดตัวเลย เพราะผมก็ไม่ต้องไปเดือดร้อนคนอื่น ผมก็จัดการตัวเอง ผมก็ไม่ได้ไปของานใครทำ ผมก็ดูแลครอบครัวผม แต่พอมันมาเจอวิกฤติครั้งหนึ่ง สาเหตุเพราะเราเอาเรื่องคนอื่นมาคิด และไปช่วยเหลือคนอื่นมันเลยทำให้เราลำบาก แต่วันนี้เรารู้แล้วว่า เราเอาเงินเก็บไปละเลงกับคนอื่นซึ่งมันไม่ใช่เรื่องของเรา มันก็เลยเริ่มมาใหม่ แล้ววันนี้ที่บอกว่าตายแล้วเกิดใหม่มันคือเรื่องจริง ผมเกิดใหม่แล้วเป็นแอมป์คนใหม่ที่มีความสุข แล้วก็ไม่เอาเรื่องของคนอื่นมาแก้ปัญหาแล้วไม่แก้ปัญหาให้กับคนอื่นแล้ว”

พระเอกดัง เผยว่า “สำหรับชีวิตส่วนตัวก็เปลี่ยนไปเลย มันเปลี่ยนอยู่แล้ว คือผมยังกินดีเหมือนเดิม แต่ว่าแทนที่ผมจะเอาไปเลี้ยงคนโน้นคนนี้ ผมก็เก็บในส่วนที่ผมจะเลี้ยงคนโน้นคนนี้มาไว้อยู่ในครอบครัวตัวเอง หรือว่าเราจะเอาส่วนที่เราเก็บ หรือเราใช้อยู่แล้วเอาไปใช้คนอื่น ผมก็ไม่ช่วย ผมแค่ตัดการช่วยคนอื่นออก ชีวิตผมก็ไม่ได้มีปัญหาเลย แล้วมันก็ดีขึ้น คือมันเริ่มใหม่อยู่แล้ว คือไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผมเชื่ออย่างนึงคือ สิ่งที่มันหาได้ทุกวันนั่นก็คือเงิน คุณบอกว่าคุณมีเงินเก็บเท่าไหร่ก็ไม่รู้แต่สำหรับผม ถ้ามีเงินเก็บมากๆและไม่มีสุขภาพที่ดี มันไม่มีประโยชน์ เพราะมันไม่รู้ว่ามันจะอยู่ถึงพรุ่งนี้ไหม แต่วันนี้ที่แน่นอนก็คือเราก็หาใช้ไปเก็บให้ลูกบ้าง แต่ถ้าถามว่าทำไมไม่มองระยะยาวบ้าง ผมไม่รู้เลยครับว่าพรุ่งนี้เรายังมีลมหายใจอยู่หรือเปล่า วันนี้ผมไม่ได้มองไกลผมมองแค่ปัจจุบัน อนาคตคือพรุ่งนี้ผมไม่รู้เลยว่ามันจะเกิดขึ้นหรือเปล่าแต่เราจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ก็ฝากถึงคนที่กำลังท้อมากๆ คนที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากจุดไหน เอาอย่างนี้แล้วกัน เรื่องการเงินผมก็เชื่อว่าการเริ่มธุรกิจมันต้องใช้เงิน แต่ถ้าถอยออกมาสักนิดหนึ่ง เราก็คงไม่มีเงิน เพราะผมก็เริ่มจากการไม่มีเงิน ผมมีญาติมีผู้ใหญ่ช่วยเหลือผม แต่วันนั้นเราไม่ได้ขอยืมเงินเขา เราให้เขาช่วยทำขนมปังให้เรา แล้วเราก็เอามาขายเราจึงมีเงิน แล้ววันนี้เรามีเงิน เราก็ค่อยๆ เอาเงินของเรามาหมุนทำธุรกิจค่อยๆ ไป พยายามอย่าเป็นหนี้ แต่ถ้าเราหลีกเลี่ยงไม่ได้เราก็ต้องเป็น คือมันมีหลายสูตร ในสูตรของการทำธุรกิจบอกว่า เป็นหนี้สิยิ่งรวย แต่บางทีเราอาจจะไม่ต้องใช้เงิน บางทีเราไปซื้อของเราใช้สินเชื่อ มันเชื่อกัน มีเครดิตให้ คือถ้าเราไม่นอกระบบเครดิตนั้นก็จะไม่พัง เราก็จะยื่นได้เรื่อยๆ เราจะต้องมีไอเดียที่เราอยากทำก่อน แล้วเราก็เอาไอเดียไปคุยกับพี่ป้าน้าอาคุณพ่อคุณแม่เรา แล้วเราก็ก็จะมีเงินเองเพราะว่าเขาจะช่วยเราเอง แต่ที่สำคัญต้องเริ่มจากตัวเองอย่าท้อครับ ถ้าเกิดเป็นคนก็ต้องทนอย่างเดียว ยังไงก็ไปได้ อย่าไปจมอยู่กับปัญหา สู้ๆ ครับ”
